Friday, March 29, 2024
HomeAuto TestTest DriveFord Everest โจทย์ยากที่ทำให้หลายค่ายเหนื่อย

Ford Everest โจทย์ยากที่ทำให้หลายค่ายเหนื่อย

Ford Everest
โจทย์ยากที่ทำให้หลายค่ายเหนื่อย

เปิดตัวกันไปนานและให้จองกันไปหลายพันคันแล้ว เหลือเพียงแค่เวลาส่งมอบเท่านั้น และเพื่อเป็นการยืนยันถึงการพัฒนายกระดับมาตรฐานให้ตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดกลางมีความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและการออกแบบที่ชาญฉลาด เพื่อให้มั่นใจว่า Everest คันนี้เมื่อเผยโฉมออกมาแล้ว มันต้องดีทั้งภาพลักษณ์และสมรรถนะรวมถึงเทคโนโลยี

ว่าไปแล้ว Everest คันนี้ผ่านการสร้างสรรค์โดยทีมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้นำเอาประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดรถอเนกประสงค์ทั่วโลกของฟอร์ดมาใช้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบกับความโดดเด่นทั้งในด้านความทนทาน และความอเนกประสงค์ในการใช้งาน แน่นอนว่าในขณะนี้มีให้เลือกเพียง 3 รุ่น 2 เครื่องยนต์ ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ

ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวและแข็งแกร่งช่วยขับเน้นให้ดูดุดันไปในตัว กับไฟหน้าขนาดใหญ่ พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ในขณะที่ห้องโดยสารภายในค่ายฟอร์ดพิถีพิถันและดูเหมือนจะรู้ใจผู้ใช้ชาวไทยที่ชอบในเรื่องของความหรูหราสะดวกสบาย จึงเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและเส้นสายรอบคันที่สอดประสานกันอย่างกลมกลืน ห้องโดยสาร 7 ที่นั่งดูประณีต นั่งสบายและใช้งานได้สะดวกมากมาย โดยเฉพาะในรุ่นท็อปที่มีหลังคาแบบพาโนรามิกมูนรูฟขนาดใหญ่ ประตูรถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า รวมไปถึงเบาะนั่งแถวที่ 3 ที่ปรับพับด้วยไฟฟ้าเช่นกัน มีช่องเก็บของมาให้มากถึง 30 ช่อง รวมไปถึงช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับเบาะหน้าและหลัง ที่พิเศษไปกว่านั้นฟอร์ดได้เนรมิตห้องโดยสารให้มีความเงียบปราศจากเสียงรบกวน แรงสั่นสะเทือน และความแข็งกระด้าง ด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนไว้ภายในตัวรถ รวมไปถึงมีการพัฒนาในส่วนของซีลกันเสียงและวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องโดยสาร

เครื่องยนต์มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนจะให้ความสนใจไปที่เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค TDCI VG Turbo ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ในขณะที่อีกเครื่องหนึ่งนั้นมีขนาดย่อมลงมาหน่อยที่ 2.2 ลิตรให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 385 นิวตัน-เมตร ซึ่งจะมีอยู่ในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ  ในส่วนของระบบเกียร์อัตโนมัตินั้น ค่ายฟอร์ดมีการติดตั้งระบบซอฟต์ที่สามารถจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ โดยระบบนี้จะวิเคราะห์จากอัตราเร่งและลดความเร็ว การใช้เบรกและคันเร่ง และการใช้ความเร็วขณะเข้าโค้ง เพื่อเลือกเกียร์ให้เหมาะสมในทุกสถานการณ์

บนเส้นทางสายเชียงรายสู่น้ำตกแม่กรณ์และผ่านหมู่บ้านที่เป็นเส้นทางลูกรัง เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สมรรถนะในเรื่องของระบบต่างๆ ที่ฟอร์ดเอามาติดตั้งไว้ให้สำหรับการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งทางฟอร์ดได้เลือกใช้โครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม ตัวถังจึงแข็งแกร่งเหมาะสำหรับการขับขี่แบบสมบุกสมบัน และเมื่อต้องเลือกใช้งานในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์จะมีการแบ่งกำลังพร้อมระบบควบคุมการจ่ายแรงบิดแบบ on Demand ด้วยระบบ Terrain Management (TM) กับความสูงจากพื้นรถที่มากถึง 225 มม. ทำให้สามารถลุยน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 800 มม.

ว่ากันถึงระบบ TM มีการออกแบบมาพร้อมกับโหมดตั้งค่าการขับขี่ได้ถึง 4 รูปบบ เริ่มจากพื้นผิวทั่วไป พื้นหิมะ, โคลน, หญ้า, พื้นทราย และพื้นหินขรุขระ ซึ่งในแต่ละโหมดจะปรับเปลี่ยนการตั้งค่าอัตราเร่ง ระบบส่งกำลัง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบควบคุมการเกาะถนน

จากการขับทั้งในเส้นทางราบเรียบแบบถนนทั่วไปที่มีทั้งทางตรงและทางโค้ง ต่อด้วยเส้นทางลูกรังและทางออฟโรด ต้องยอมรับในเรื่องของความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ในส่วนของช่วงล่างของ Everest นั้นเป็นแบบคอยล์สปริงทั้งหน้าและหลัง พร้อมวัตต์ลิงก์ที่เพลาหลัง ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความนุ่มนวล

ในส่วนของความอำนวยความสะดวกยามขับขี่ Ford ได้มีการติดตั้งระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 2 ที่เป็นระบบเชื่อมต่อการสื่อสารภายในรถรุ่นล่าสุดจาก Ford โดยที่ผู้ขับขี่สามารถใช้เสียงสั่งการอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ระบบปรับอากาศ และอุปกรณ์พกพาต่างๆ โดยมาพร้อมกับจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วที่ใช้งานง่ายด้วยเมนูควบคุมที่แบ่งจอออกเป็น 4 มุม และใช้สีที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นแล้วยังมีระบบตรวจจับรถในจุดบอด Blind Spot Information System (BLIS) พร้อมระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด

มาถึงเรื่องของระบบความปลอดภัยแล้ว Everest มีการติดตั้งระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ Roll Stability Control และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP รวมถึงระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ที่ช่วยให้การนำรถเข้าจอดเทียบข้างเป็นเรื่องง่าย โดยที่ผู้ขับขี่จะควบคุมเพียงแค่การเหยียบคันเร่ง เข้าเกียร์และเบรก โดยไม่จำเป็นต้องจับพวงมาลัย และนั่นคือความคุ้มค่าสุดๆ กับรถ Ford Everest ที่มาพร้อมกับราคา 1,599,000 บาท

RELATED ARTICLES

Most Popular