Thursday, April 25, 2024
HomeAuto TestTest DriveMazda CX-3 รถที่สร้างขึ้นมา โดยไม่มีข้อจำกัด ก้าวสู่มาตรฐานสำหรับยุคใหม่

Mazda CX-3 รถที่สร้างขึ้นมา โดยไม่มีข้อจำกัด ก้าวสู่มาตรฐานสำหรับยุคใหม่

Mazda CX-3 รถที่สร้างขึ้นมา โดยไม่มีข้อจำกัด ก้าวสู่มาตรฐานสำหรับยุคใหม่
พบกันแน่นอนปลายปีนี้ สำหรับ Mazda CX-3 ที่จะเป็นดาวจรัสแสงบนเวทีงาน Motor Expo ครั้งที่ 32 เมืองทองธานี

CX-3 ถือได้ว่าเป็นรถในเซกเมนต์ ครอสโอเวอร์ ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการสื่อสารการออกแบบตาม KODO ของมาสด้าในแฟชั่นที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่มันจะใช้เวลาเพื่อความท้าทายของความรู้อิสระและก้าวข้ามผ่านออกมาอยู่แถวหน้า CX-3 เหมาะสำหรับผู้ที่มุ่งมั่นที่จะนำไปสู่ชีวิตที่น่าตื่นเต้นที่เหมาะสมกับสไตล์ส่วนตัว และผู้ที่มองหาสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ทีมงานออกแบบของมาสด้าได้สร้างสรรความงามและการจัดแต่งรูปลักษณ์ภายนอก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกับวิธีการที่ไม่ย่อท้อต่อการกำจัดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นที่จะปฏิเสธความผูกพันในยุคต่างๆ ในขณะที่ภายในได้เลือกที่จะใช้ธีมตกแต่งที่ประสานงานกับภายนอกเพื่อเป้าหมายในการแสดงออกอย่างลึกซึ้งของมุมมองที่มีคุณภาพสูงและทันสมัย

ภายใต้ Key Values ที่ต้องการให้ CX-3 บรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น ประกอบไปด้วย Design/Styling , Packaging , Driving Dynamics และ Class-defying features จึงไม่น่าแปลกใจที่ CX-3 คันนี้จะรวบรวมเอาความโดดเด่นของพี่น้องในตระกูลอย่าง Mazda 2 , 3 , 6 , CX-5 และ MX-5 มาใส่ไว้ในรถคันนี้ ซึ่งเมื่อดูภาพโดยรวมแล้ว ยากที่จะปฏิเสธเจ้า CX-3 คันนี้ได้ว่ามันมีความโดดเด่นในทุกมุมมอง

ด้านข้างตัวถังที่เต็มไปด้วยความพลิ้วไหวของเส้นสายที่อาจดูแข็งเทียบเมื่อเทียบกับห้องโดยสารที่ลื่นไหลและยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นในการสร้างส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวถังที่สั้นและโดดเด่นเหมือนรถต้นแบบ โดยผ่านการกลั่นกรองและพัฒนาความมีชีวิตชีวาตามแบบฉบับที่ถ่ายทอด DNA ของการออกแบบตาม KODO และโดยการสร้างรูปแบบที่คมชัดกอปรกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น โดยที่ทีมออกแบบมุ่งเน้นการเคลื่อนไหวตามวัตถุประสงค์ รูปแบบพื้นฐานที่มุ่งเน้นไปที่สามส่วนไม่ว่าจะเป็นในส่วนของครึ่งด้านหน้าของตัวถังที่มีรูปร่างสั้น ในส่วนของครึ่งหลังของตัวถังที่บ่งบอกถึงลักษณะของความเข้มแข็งและพลัง และส่วนของห้องโดยสารที่มีการจัดรูปลักษณ์ให้ดูเพรียวบาง โดยการย้ายเสาเอและเสาดีไปด้านหลัง

ในส่วนของด้านหน้านั้น กระจังหน้าที่ดูค่อนขช้างสูงนั้นเพื่อรับกับอากาศที่เข้ามาปะทะ กับครีบรูปตัว V สีเงิน 7 ครีบซ้อนกัน ตำแหน่งของไฟหน้ามีไฟเลี้ยวอยู่นอกกรอบโคมไฟหน้า ซึ่งเป็นการออกแบบให้แคบและคมชัดที่คล้ายนัยน์ตาของสัตว์ที่จ้องมองเหยื่อ ชุดโคมไฟหน้าเป็น LED จำนวน 4 ดวงที่ให้ลำแสงขนาดเล็ก โดยที่ไฟเลี้ยวติดตั้งอยู่ส่วนล่างของกันชนหน้าในแนวเดียวกับไฟตัดหมอก ส่วนบนของกันชนหน้าถูกขยับไปด้านหลัง ให้อยู่ด้านล่างของฐานของเสาเอ  เพื่อหลักอากาศพลศาสตร์ที่ก่อให้เกิดความลื่นไหลที่เน้นในเรื่องของกำลังทำให้เกิดความรู้สึกถึงความเร็ว

ในส่วนของด้านหลังนั้น แผ่นป้ายทะเบียนได้รับการติดตั้งอยู่ในส่วนบนของกันชนหลัง ที่มีสีเดียวกับฝากระโปรงหลัง ทำให้ระยะที่ยื่นออกมาจากท้ายรถมีระยะที่สั้น และเมื่อติดตั้งกล้องมองหลัง สวิตช์ และชิ้นส่วนการทำงานอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ที่ฝากระโปรงหลัง ทำให้รู้สึกถึงการออกแบบด้านท้ายที่ราบเรียบที่มองดูแล้วมีความต่อเนื่อง ปลายท่อไอเสียแบบคู่แยกซ้าย/ขวา เสมือนบ่งบอกถึงความแรงที่พร้อมพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า

ด้วยรูปทรงที่ดูเป็น Sport Cross Over กับหุ่นทรงที่พกพาเรือนร่างในความยาวโดยรวม 4,275 มม. และระยะฐานล้อ 2,570 มม. กับความกว้าง 1,765 มม. โดยมีการวางตำแหน่งของล้อให้ใกล้กับมุมรถทั้งสี่มุมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นส่งผลให้เกิดระยะห่างล้อหน้าที่ 1,525 มม. และระยะห่างล้อหลัง 1,520 มม.  กับความสูง 1,550 มม. เมื่อนับรวมกับเสาอากาศครีบฉลาม และความสูงใต้ท้องรถ 160 มม. ที่ดูเหมือนจะเพียงพอที่จะขับใช้งานบนท้องถนนทั่วไป ดังนั้นแล้วจากการออกแบบในสัดส่วนมิติต่างๆ กับความสูงที่ดูต่ำและลำตัวรถที่กว้างตลอดจนจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำทำให้ CX-3 มีเสถียรภาพที่ยอดเยี่ยมเมื่อเข้าโค้งหรือขับรถด้วยความเร็วสูง รวมถึงยังช่วยลดการยกของล้อเมื่อมีการเลี้ยวอย่างกระทันหันอีกด้วย

สำหรับการออกแบบในส่วนของภายในห้องโดยสารนั้น ยังคงยึดติดกับแนวคิดการออกแบบตาม KODO โซนคอกพิทมีการวางตำแหน่งมิเตอร์และมาตรวัด จอแสดงผล และหน่วยควบคุมสั่งการจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิด Head-up Cockpit ตามปรัชญาพื้นฐานการเชื่อมต่อประสานกันระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร HMI ของมาสด้า ซึ่งไม่น่าแปลกใจเมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารในตำแหน่งของผู้ขับขี่ เราจะพบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานง่ายเพื่อลดการเบี่ยงเบนความสนใจเช่น การคิด การมอง และการสัมผัส ที่นั่งในส่วนของตำแหน่งผู้ขับขี่นั้นจะแบ่งเป็นสองโซน โดยที่โซนหนึ่งนั้นสำหรับข้อมูลที่จำเป็นเพื่อการทำงานอย่างปลอดภัยของตัวรถ และอีกโซนหนึ่งนั้นสำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของข้อมูลคนขับ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการควบคุมการแสดงผลให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด CX-3 มาพร้อมกับระบบ MZD Connect ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมต่อในรถที่ง่ายต่อการใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันรวมถึงการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตและการเข้าถึงบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์  และการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย

เทคโนโลยี SKYACTIV ที่สร้างชื่อให้กับรถยนต์ของมาสด้ายังคงสร้างความประทับใจในทุกๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเครื่องยนต์ที่ในครั้งนี้กับการลองเจ้าตัวเบนซิน 2.0 ที่เมื่อมองมาที่หุ่นทรงแล้วต้องบอกว่า มันเป็นขุมพลังที่ให้มามากกับความจุของกระบอกสูบที่ 1,998 ซีซี. 165 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ที่ต้องบอกว่าเจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้มันพร้อมตอบสนองในทุกอัตราเร่ง ไม่ว่าจะทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยที่ในตัวเกียร์อัตโนมัตินั้นยังมีโหมดสปอร์ตให้เลือกใช้อีกด้วย ในขณะที่ตัวเกียร์ธรรมดานอกจากการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จะเข้าง่ายแล้ว ยังมีตัวเลขบ่งบอกตำแหน่งของเกียร์ที่หน้าปัดอีกด้วย

เบาะนั่งที่ออกแบบมาให้ดูสปอร์ต รวมถึงในส่วนของแผงข้างประตู และการออกแบบเส้นสายบริเวณที่แผงประตูที่ดูมีมิติไปกับลายเส้นที่พริ้วไหวต่อเนื่องมาจากฝากระโปรงหน้า พื้นที่ภายในกว้างขวางและไม่เป็นอุปสรรคต่อการก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารหรือนั่งในประจำตำแหน่งผู้ขับขี่ที่การเข้าออกสะดวกสบาย และมีพื้นที่มากเพียงพอต่อการปรับเลื่อนเบาะสำหรับคนรูปร่างสูงใหญ่ บนเส้นทางนอกเมืองและทางโค้งที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับการรับรู้ถึงความแม่นยำและความเสถียรในการบังคับควบคุมพวงมาลัย

ระบบรองรับการสั่นสะเทือนของ CX-3 มีการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยที่ด้านหน้าที่เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัทนั้น ได้มีการปรับระยะคาสเตอร์ให้สูงขึ้น 30 มม. และมุมคาสเตอร์ให้เอียงมากขึ้น 5.0 องศา ที่ส่งผลให้ CX-3 มีประสิทธิภาพทั้งการขับขี่ในเมือง ถนนที่คดเคี้ยว และการวิ่งทางตรงในย่านความเร็วสูง ซึ่งจะลดความแตกต่างของมุมตามระยะชักของตัวหน่วงด้านหน้าและการตะกุยของล้อหน้า ในขณะที่ระบบรองรับด้านหลังนั้น ใช้แนวคิด SKYACTIV-CHASSIS ในการจัดการกับตำแหน่งติดตั้งของคานบิดที่อยู่สูง ด้วยการทำจุดยึดหัวโช้คให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการสั่นสะเทือนจากผิวถนนสู่ตัวถังรถ และเพิ่มเสถียรภาพในการวิ่งทางตรง

ระบบ i-Stop ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์ ซึ่งใน CX-3 นั้น ใช้ระบบควบคุมใหม่เหมือนที่ใช้ใน Mazda 2 โดยระบบนี้จะหยุดเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เหยียบแป้นเบรกและหยุดรถ และเมื่อมีการปล่อยคันเบรกหรือเหยียบคลัตช์เพื่อเคลื่อนที่เชื้อเพลิงจะถูกฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้โดยตรงและเป็นการรีสตาร์ทเครื่องยนต์อัตโนมัติภายในเวลา0.35 วินาทีสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและ 0.4 วินาทีสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งระบบนี้มีมาให้ทั้งในตัวเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา

ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้น  CX-3 มีมาให้ด้วยระบบ i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่ใช้อุปกรณ์ตรวจจับ เช่น หน่วยเรดาร์ความยาวคลื่นสั้นและกล้องที่จะสนับสนุนคนขับรถในการตระหนักถึงอันตรายเพื่อหลีกเลี่ยงการชนและลดความเสียหายในกรณีที่อุบัติเหตุเกิดขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS ,ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนช่องจราจร BSM , ระบบปรับการทำงานไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ HBC , ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกข่องจราจร LDWS

สำหรับในเมืองไทยแล้วนั้น CX-3 พร้อมที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยในช่วงแรกอาจจะมีเพียงเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ก่อน จากนั้นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 อาจจะตามมาในภายหลัง

RELATED ARTICLES

Most Popular