Friday, March 29, 2024
HomeAuto Testทดสอบ All New Mazda BT-50 รุ่นท๊อพ ขุมพลังดีเซล 1.9 ลิตร เกียร์ธรรมดา ประหยัด ช่วงล่างนุ่มแต่ไม่ย้วย

ทดสอบ All New Mazda BT-50 รุ่นท๊อพ ขุมพลังดีเซล 1.9 ลิตร เกียร์ธรรมดา ประหยัด ช่วงล่างนุ่มแต่ไม่ย้วย

ทดลองขับทางไกล All New Mazda BT50 กระบะหน้าหล่อน้องใหม่จากค่าย Mazda ในครั้งนี้เราได้สัมผัสกับรุ่น 1.9 SP HI-RACER Double Cab หรือที่เข้าใจง่ายๆนั่นคือรุ่นท๊อพ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 1.9 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ที่ออกแบบได้ประณีตทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ กับค่าตัวที่สมเหตุสมผล ในราคา 1.012 ล้านบาท แต่สมรรถนะด้านขุมพลัง การขับขี่ และการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ จะมีรายละเอียดเป็นเช่นไร ติดตามได้จากรายงาน

 

All New Mazda BT-50 มากับมิติตัวถังมากับความยาว 5,280 มม. กว้าง 1,870 มม. สูง 1,790 มม. ซึ่งถ้าเทียบกับต้นทางอย่างจากค่ายอีซูซุจะมีสัดส่วนเดียวกัน ยกเว้นความยาวที่ได้เปรียบกว่า 15 มม.

All New Mazda BT50 1

รูปลักษณ์สง่างามเริ่มจากการออกแบบด้านหน้าโดยนำเอาเอกลักษณ์ของรถ Mazda ที่คุ้นตา และไม่ต่างไปจาก CX3 สักเท่าไหร่นัก หน้ากระจังแบบเดียวกับรถทุกเซกเมนต์ของค่ายนี้ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมเส้นสายที่ได้รับการออกแบบให้ดูบึกบึน

All New Mazda BT50 2

ไฟสูงและต่ำใช้หลอดแบบแอลอีดีพร้อมเลนส์แบบโปรเจคเตอร์ในทุกรุ่น ส่วนไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอกยังเป็นแบบหลอดฮาโลเจน

All New Mazda BT50 3

ล้อแมกในรุ่นท๊อพเป็นขนาด 18 นิ้ว ส่วนรุ่นรองลดขนาดให้เหลือ 17 นิ้ว และ 16 นิ้ว ตามลำดับ

All New Mazda BT50 4

ดีไซน์ท้ายรถคล้ายคลึงกับต้นทาง แต่ก็ไม่ได้คล้ายมาก โดยไฟหรี่ยังคงใช้หลอดแอลอีดี ส่วนไฟเบรกและไฟท้ายเป็นแบบฮาโลเจน ที่สำคัญคือฝาท้ายไม่ได้ติดตั้งระบบช่วยผ่อนแรง

All New Mazda BT50 5

ห้องโดยสารมีการพัฒนาต่อยอดให้ได้มาซึ่งความเงียบ โดยใช้ฉนวนกันเสียงบริเวณโคนเสา A และ B พร้อมพรมปูพื้นโครงสร้างด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูงเดียวกัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการออกแบบยางขอบประตูและยางขอบกระจกเพื่อลดเสียงลมปะทะไม่ให้เร็ดรอดเข้าสู่ห้องโดยสาร

All New Mazda BT50 6

ดีไซน์ภายในออกแบบมาด้วยความประณีต แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์บึกบึน รุ่นท๊อพมีเบาะนั่งไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทางและหุ้มด้วยหนังแท้ ส่วนรุ่นปกติเป็นเบาะผ้าและไม่มีระบบไฟฟ้าช่วยในการปรับท่านั่ง

All New Mazda BT50 7

ชุดมาตรวัดทรงกลมมีจอมัลติฟังค์ชั่นดิสเพลย์ ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงข้อมูลการใช้งานและมีภาพกราฟิคทันสมัยเปิดขึ้นเองอัตโนมัติทุกครั้งที่ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์

All New Mazda BT50 8

พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังค์ชั่นปรับขึ้น/ลง ได้ 4 ทิศทาง มีสวิทช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงแต่ไม่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

All New Mazda BT50 9

จอกลางมีขนาด 7 และ 9 นิ้ว ซึ่งเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบ Apple Carplay และ Android Auto รวมถึงแสดงภาพขณะถอยจอดในรุ่นขับสองยกสูงและ 4X4 ส่วนรุ่นหัวเดียวเป็นแบบ 1 DIN และสำหรับลำโพงเซอร์ราวด์บนเพดาน จะป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรรถทุกรุ่น

All New Mazda BT50 10

ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ส่วนรุ่นรองลงมาจะเป็นแบบมือหมุน และในรุ่น 4 ประตู จะมีช่องระบายความเย็นบริเวณด้านหลังกล่องเอนกประสงค์

All New Mazda BT50 11

All New Mazda BT-50 มากับเครื่องยนต์ 2 ขนาด ทั้งแบบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าพร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตร อัตราบริโภคเชื้อเพลิงตามอีโค่สติ๊กเกอร์อยู่ที่ 14.1 กม./ลิตร

All New Mazda BT50 13

และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า มากับอัตราสิ้นเปลือง 16.1 กม./ลิตร

All New Mazda BT50 14

ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัคิ 6 จังหวะ สำหรับรุ่น 4×4 จะมีระบบล๊อคเฟืองท้ายติดตั้งมาให้เสร็จสรรพ

All New Mazda BT50 15

ระบบเบรกใหม่ด้านหน้าแบบจานขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น 3.0 และ 15 นิ้ว ในรุ่น 1.9 ส่วนด้านหลังเป็นดรัมเบรค

ระบบความปลอดภัยติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และมีเทคโนโลยี ADAS แบบเดียวกับอีซูซุ เริ่มจากระบบเตือนจุดอับสายตา,ระบบควบคุมความเร็วลงทางชัน และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน รวมถึงระบบช่วยจอดโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุและส่งกลับมาเป็นเสียงเตือน

 

การทดลองขับในครั้งนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่แคมป์สน ต.บ้านคา จ.ราชบุรี ระยะทางรวมร่วม 300 กม. และรถที่ได้ขับเป็นรถไฮไลท์แบบ 4 ประตู ขับสองยกสูงในรุ่น 1.9 SP HI-RACER ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก ต่ายรถยนต์ที่พัฒนาร่วมกันนั่นคือ ISUZU

All New Mazda BT50 16

จากการที่เป็นกระบะหน้าหล่อ ซึ่งได้ปรับดีไซน์ใหม่ในด้านเรื่องแอโรไดนามิคดีขึ้น จึงทำให้มีความลู่ลมมากยิ่งขึ้น

All New Mazda BT50 18

ส่วนเรื่องเสียงที่เข้ามาในห้องโดยสารนั้นถือว่าแก้เกมส์มาดี เพราะได้มีการติดตั้งยางขอบประตู รวมถึงอุดรูที่ลมสามารถทะลุเข้ามายังห้องโดยสารด้วยวัสดุเกรดดี จึงทำให้ห้องโดยสารเงียบ

All New Mazda BT50 18

นน.พวงมาลัยออกแบบมาให้ขับสนุก ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป และให้ความแม่นยำสูง

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติใช้งานไม่ยาก เมื่อพ่วงกับระบบ เตือนจุดอับสายตา จึงได้มาเพื่อความปลอดภัย ซึ่งนอกจาก 2 ระบบนี้ เทคโนโลยี ADAS ที่ติดตั้งมาให้ยังมี Rear Cross Traffic Alert ที่คอยเตือนในกรณีถอยออกจากที่จอดแล้วมีวัตถุเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้

จอกลางมาตรวัดขนาด 4.2 นิ้ว ฟีเจอร์พิเศษที่ให้มาคือ เข็มทิศ ที่ทำงานร่วมกับระบบนำทางอัตโนมัติ แสดงการทำงานผ่านจอกลางขนาด 7 นิ้ว ซึ่งจอนี้ สามารถเชื่อมต่อผ่าน Apple Carplay และ Android Auto แต่หากใช้ Apple Car Play สามารถเชื่อมต่อในรูปแบบไร้สาย และเมื่อเชื่อมต่อก็สามารถแสดงแอพลิเคชั่นจากสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งรวมไปถึง Google Map อีกด้วย

All New Mazda BT-50 20

สมรรถนะเครื่องยนต์ แม้จะมีขนาดเพียง 1.9 ลิตร ให้กำลังสุงสุด 150 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร ในทางเรียบ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ได้มาซึ่งความประหยัด ยิ่งขับขี่ทางไกลแบบนี้ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ได้มาจึงเกิน 16.1 กม./ลิตร

All New Mazda BT-50 22

ในส่วนของเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หากเป็นช่วงขึ้นเนินชัน อาจต้องมีแรงส่งสักนิด เพราะอาจทำให้หมดกำลังกลางเนิน ทั้งนี้หากคุ้นชินกับรถ ก็จะสามารถวางแผนการใช้งานได้เอง

All New Mazda BT-50 24

ระบบช่วงล่าง แม้จะยังเป็นแหนบแผ่นแบบรถกระบะทั่วๆไป แต่ก็มีการปรับเซทให้อาการแน่น ไม่ถึงกับนุ่ม และไม่ย้วยเมื่อใช้ความเร็ว

All New Mazda BT-50 25

ทั้งหมดนี้พอจะได้ข้อสรุปที่ว่า All New Mazda BT50 เป็นรถกระบะที่มากับฟิลลิ่งของรสเอสยูวี รูปลักษณ์โดยรวมมีความประณีตในการออกแบบ ห้องโดยสารเก็บเสียงเงียบ ตกแต่งหรูหรา ด้านขุมพลังได้ความประหยัดเชื้อเพลิงเป็นทุนเดิม การใช้งานเส้นทางปกติไปได้สบายๆ

All New Mazda BT-50 26

แต่สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ถ้าขับขึ้นทางชันอาจต้องเผื่อความเร็วกันสักนิด ในส่วนของเทคโนโลยี ADAS ถ้ามีมาครบทั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติตามรถคันหน้า และระบบเตือนออกนอกเลน น่าจะเป็นรถที่เพียบพร้อมอีกหนึ่งคัน แต่ในราคาค่าตัวที่ตลาดมีการแข่งขันกันสูง 1,012,000 บาท ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

All New Mazda BT-50 26

แต่อีกหนึ่งกลยุทธ์หลังการขาย อย่างเช่น ค่าแรงฟรีสำหรับการบำรุงรักษาในระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กม. หากเลือกน้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ จะมีค่าใช้จ่ายเพียง 20,110 บาท แต่ถ้าเป็นแบบกึ่งสังเคราะห์จะเหลือเพียง 17,210 บาท ซึ่งถือว่าถูกที่สุดในตลาด ประเด็นนี้ก็น่าจะทำให้ช่วยตัดสินใจได้ไม่น้อย…จริงไหมครับ

RELATED ARTICLES

Most Popular