Friday, March 29, 2024
HomeAuto TestTest Drive“Lamborghini Esperienza” กิจกรรมดับซ่าส์ฝูงกระทิงดุ ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

“Lamborghini Esperienza” กิจกรรมดับซ่าส์ฝูงกระทิงดุ ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

คงมีไม่กี่ครั้งนักกับกิจกรรมการทดสอบรถที่ตราตรึงใจ เพราะสิ่งที่ได้ไปสัมผัสนั้นเป็น รถสปอร์ตในฝันที่ใครหลายคนถวิลหา เมื่อโอกาสมาถึง ผมก็ไม่พลาดที่จะน้อมรับเพื่อสัมผัสซุปเปอร์คาร์ในฝันกับกระทิงพันธุ์ดุ Lumborghini Huracan ที่บริษัท นิชคาร์  จำกัด เข้ามาจำหน่าย พร้อมชวนให้ผู้สื่อข่าวได้เข้าร่วมกับกิจกรรม Lamborghini Esperienza

แน่นอนว่ากิจกรรมนี้เป็นการทดสอบรถยนต์ที่ไม่ธรรมดาแถมยังจัดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ซึ่งมีสาวกกระทิงดุและผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักเข้าร่วมสัมผัสกับรถสปอร์ตในฝันที่ติดตั้งสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์วี 10 สูบ ในพิกัดทะลุ 600 แรงม้า พร้อมฟังค์ชั่นการขับขี่หลากรูปแบบใน Lumboghini Huracan แบบไม่มีกั๊ก บนพื้นที่ของสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

Lamboghini Huracan LP 610-4 และ Huracan LP 580-2

2 พิกัดความแรง…พระเอกประจำงาน

ซุปเปอร์คาร์ที่เป็นพระเอกในงานนี้ถูกนำมาทดสอบสมรรถนะด้วยกันถึง 2 รุ่น ได้แก่ Huracan LP 610-4 และ Huracan LP 580-2 รหัสตัวเลขด้านหลังเป็นเรื่องของแรงม้าและระบบขับเคลื่อน อธิบายง่ายๆ คือ 610-4 ให้กำลัง 610 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วน 580-2 มีกำลัง 580 แรงม้า และเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง

รถทั้ง 2 รุ่นมากับสัดส่วนอันน่าพิศมัย ด้วยความยาว  4,459 ม.ม. กว้าง 1,924 มม. สูง 1,165 มม. ออกแบบด้วยโครงสร้างแชสซีไฮบริดรูปแบบใหม่ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งด้วยการผสานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมเข้าด้วยกัน หากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกและห้องโดยสารแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากกันสักเท่าไหร่ Huracan LP 580-2 มีเพียงกันชนหน้าที่ใหญ่กว่า Huracan LP 610-4  จากการดีไซน์ช่องดักลมขนาดใหญ่เพื่อสร้างแรงกด พร้อมรับอากาศเพื่อช่วยในเรื่องแอโร่ไดนามิก มุมมองด้านหลังของทั้ง 2 รุ่นโชว์ท่อคู่ออกสองด้านสไตล์ดุดันพร้อมดิฟฟิวเซอร์แบบโหดดิบ

ล้ออัลลอยใช้ขนาด 19 นิ้ว พิเศษตรงที่ร่วมมือกับยางรถยนต์ชั้นนำยี่ห้อ Pirelli รุ่น Zero ซึ่งออกแบบและผลิตมาเพื่อ Lumboghini โดยเฉพาะ สังเกตได้จาก อักษร “L” บริเวณแก้มยาง

คอกพิทประดุจดังรถแข่งผสมกับเครื่องบินรบ เบาะนั่งทั้ง 2 เป็นแบบบักเกตซีทใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักเบา ชุดแดชบอร์ดพร้อมสวิตช์สั่งการระบบต่างๆ ถูกติดตั้งให้ใช้งานสะดวก ซึ่งรวมถึงแป้นแพดเดิลชิฟท์ขนาดใหญ่ที่อยู่หลังพวงมาลัย ที่เด็ดของเทคโนโลยีอยู่ที่โหมดขับขี่ที่ใช้ชื่อเรียกว่า “ANIMA” หรือ”จิตวิญญาณ” ซึ่งสามารถสั่งการได้จากพวงมาลัย แบ่งออกเป็น  3 รูปแบบ ได้แก่ Strada , Sport และ Corsa

ข้อมูลเทคนิคของ Lamborghini Huracan LP 610-4 ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Hydraulic multi-plate cluth ควบคุมอัตโนมัติ  มาพร้อมขุมพลังจากเครื่องยนต์ V10 ขนาดความจุ 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์คลัตช์คู่ LDF 7 สปีด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม.

ส่วน Lamborghini Huracan LP 580-2 ใช้ระบบขับเคลื่อนสองล้อหลัง ใช้เครื่องยนต์บลอคเดียวกับ Huracan LP 610-4 มาพร้อมน้ำหนักตัวรถเพียง 1,389 กก. เบากว่ารุ่นขับ 4 ล้อถึง 33 กก. ให้กำลังสูงสุด 580 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์คลัตช์คู่ LDF 7 สปีด  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 3.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุด  320 กม./ชม.

Lamborghini Esperienza”

การทดสอบรถยนต์ระดับอินเตอร์โดยผู้ฝึกสอนดีกรีนักแข่งระดับโลก

อย่างที่บอกไว้ในช่วงแรก กิจกรรมการทดลองขับที่ไม่ธรรมดาของการทดสอบ Lamborghini Huracan นอกจากเรียนรู้ถึงตัวรถและอุปกรณ์ต่างๆ ยังรวมไปถึงการขับขี่ในรูปแบบเรซซิ่งโปรแกรม ซึ่งถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ของวิทยากรที่เป็นนักแข่งดังชาวอิตาลี รวมถึงนักแข่งรถชื่อดังชาวไทย

การเรียนรู้ครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ส่งตรงจากวิทยากรที่มากด้วยความสามารถ เริ่มกันจากท่านั่งขับที่ถูกต้องปลอดภัยเพื่อให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆและเทคโนโลยีที่ติดมากับซุปเปอร์คาร์ทั้ง 2 รุ่น เมื่อเรียนรู้จนกระจ่าง ก็ถึงเวลาลงสนามพิสูจน์ความซ่าส์ของกระทิงดุ

Lamborghini Huracan LP 610-4 และ LP 580-2 จอดตระหง่านรุ่นละ 3 คันบริเวณพิทเลนส์ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คันนำจะเป็นการเปิดเส้นทางการขับขี่โดยวิทยากร ส่วนอีก 2 คันจะเป็นรถที่ผู้เข้าร่วมได้ทดลองโดยขับขี่ทั้งหมดรุ่นละ 3 รอบ เท่ากับว่าการทดลองขับครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมทุกท่านจะได้ขับ Huracan LP 610-4 แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และ Huracan LP 580-2 ขับเคลื่อน 2 ล้อ รุ่นละ 3 รอบ รวม 6 รอบสนาม

รอบแรกก่อนขับเองจะเป็นการนั่งชมไลน์สนามโดยวิทยากรเป็นผู้ขับขี่ซึ่งนอกจากจะสอนวิธีการควบคุมรถ ยังบอกทริคต่างๆแบบหมดเปลือก ต่อจากนั้นจึงได้เวลาที่ผู้ขับร่วมกิจกรรมเป็นผู้ขับขี่ด้วยตนเอง

กำหลาบฝูงกระทิงในรูปแบบเรซซิ่งโปรแกรม

แรง เร้าใจ ในพิกัดความเร็วทะลุ 200 กม./ชม.

สำหรับการเข้าสู่ห้องโดยสารในฐานะผู้ขับ อาจจะดูลำบากไปสักนิด เพราะค๊อกพิทแบบ 2 ที่นั่งเป็นการออกแบบเฉพาะด้วยเบาะนั่งโอบกระชับ ไม่ต่างจากรถแข่งที่มีโรลบาร์เป็นสิ่งขวางกั้น แต่เมื่อเข้าไปภายในรวมถึงปรับท่านั่งให้เหมาะสมตามหลักสูตรการเรียนการสอนของคอร์สนี้ ทัศนวิสัยที่โล่งสบายและสามารถเล็งทิศทางได้อย่างแม่นยำทุกมุมมอง เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้ง 3 รอบในการขับแต่ละรุ่น ถือเป็นการพิสูจน์โหมดขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบซึ่งแตกต่างกันคนละสไตล์

STRADA เป็นโหมดที่ควบคุมรถได้ง่ายตามการใช้งานบนท้องถนน ขุมพลังบิ๊กบลอคแบบ V10 สูบ ที่มีฝูงม้าซ่อนอยู่หลายร้อยตัวส่งเสียงคำรามลั่นสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สำหรับผู้ขับขี่ ไม่ต้องห่วงว่าเสียงที่เร้าใจจะทำให้อะดรีนารีนพุ่งเต็มร่างขนาดไหน หนำซ้ำเป็นเครื่องแบบวางกลางที่ติดตั้งอยู่หลังเบาะนั่ง เวลาแผดเสียงมันจะเข้าไปดังก้องอยู่ในโสตประสาท

เมื่อถึงเวลาเข้าโค้งจะชะลอรถด้วยเบรกก็อาจจะหาอารมณ์ดิบๆในสไตล์การขับบนสนามแข่งได้ยากอยู่ การลดตำแหน่งเกียร์เพื่อใช้เอนจิ้นเบรคซึ่งเป็นวิธีการชะลอรถได้อย่างปลอดภัย และแม่นยำ รวมถึงได้เบรกแบบเซรามิคสมรรถนะสูงแบบ 8 พอต มาช่วยหยุดความห้าวหาญของกระทิงดุได้อย่างชะงัก

ถึงคราวที่กระทิงดุสำแดงเดชบริเวณช่วงทางตรงที่ยาวที่สุดของสนามแห่งนี้ ระยะทางประมาณ 1 กม.เศษ ความเร็วบนแผงแดชบอร์ดโชว์อยู่ที่ประมาณ 210 กม./ชม. ความเร็วระดับนี้ถือว่าสูงสุดตั้งแต่ที่ผมเคยขับรถมา

รอบต่อมาถึงเวลาของโหมด SPOT คอมพิวเตอร์จะสั่งการให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีกว่าโหมด STRADA ทั้งเกียร์ที่สนองต่อการใช้งานและช่วงล่างที่แข็งขึ้น การบังคับควบคุมพวงมาลัยที่มีระยะฟรีน้อยลง ทำให้มั่นใจยิ่งกว่าเดิม การเข้าโค้งทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากปรับลดเกียร์เพื่อใช้เอนจิ้นเบรค รถอาจจะดึงจนทำให้ตกใจเล็กน้อย สาเหตุจากเครื่องที่วางกลาง การบาลานซ์ของรถจึงทำให้ผู้ขับต้องเรียนรู้ใหม่เพื่อปรับเข้ากับรถให้ได้ เมื่อทุกอย่างเริ่มคุ้นชิน กระทิงดุฝูงนี้ก็เชื่องขึ้นอย่างผิดวิสัย

โหมดนี้เริ่มดำเนินหลังจากที่ขับขี่มาได้สักระยะ จนพอจับอาการของรถได้ว่าเป็นอย่างไร โค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรงยาว ผมตัดสินใจที่จะใช้ความเร็วในโค้งให้มากขึ้น พอรถเริ่มเข้าสู่ทิศทางที่ต้องการ คันเร่งถูกกระแทกจนจมผนัง ละสายตาจากพื้นถนนมาดูที่ความเร็ว ปาเข้าไปเกือบ 230 กม./ชม. สถิติในรอบแรกถูกทำลายไปอย่างราบคาบ

รอบที่ 3 สัมผัสกับโหมด CORSA ทุกอย่างไม่มีกลไกมาช่วยแต่อย่างใด เกียร์ต้องเปลี่ยนเอง ช่วงล่างแข็งแต่ให้ความยึดเกาะสูง อัตราเร่งมาไวขึ้นจนสัมผัสได้ พวงมาลัยหนักและแน่นขึ้นชัดเจน โหมดนี้ต้องอาศัยทักษะการควบคุมที่สูงมาก เรียกได้ว่าถ้าไม่มีสกิวการขับรถในสนามแข่ง อาจจะทำให้หมุนเป็นลูกข่างเวลาเข้าโค้ง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับรถในราคาเฉียด 30 ล้านได้แน่นอน ผมเองก็กล้าๆกลัวๆที่จะลองเพราะตระหนักถึงราคาค่าตัวของเจ้ากระทิงดุที่ได้ทำการปราบพยศอยู่

ปฎิบัติการดับซ่าส์กระทิงดุดำเนินไปในรูปแบบของการทดลองโหมดขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบใน Lamborghini Huracan LP 610-4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ LP 580-2 ขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งให้อารมณ์แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน 6 รอบสนามที่ได้ควบคุมบังเหียรบนระยะทางต่อรอบกว่า 4 กม. พูดได้เลยอารมณ์ของแต่ละโหมดนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เรื่องพละกำลังคงไม่ต้องพูดถึง เพราะความแรงระดับ 580 แรงม้า กับ 610 แรงม้า ที่ทางผู้ผลิตได้เคลมความเร็วสูงสูดไว้กว่า 320 กม./ชม. สำหรับผม 250 กม./ชม. เป็นตัวเลขที่ทำได้สูงสุดและจะเก็บไว้ในความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยมีลูกบ้าที่ทำให้ขับขี่ด้วยความเร็วขนาดนี้ แถมยังมีบุญได้ขับในสนามแข่งระดับโลกอีกต่างหาก

ความใจใหญ่ของทีมงานเป็นอะไรที่ได้ใจสื่อมวลชน เนื่องจากเวลายังพอมีเหลือ ทีมงานจึงให้ไปคะนองกับกระทิงต่ออีกคนละ 2 รอบ สำหรับผมนั้นเลือกแบบขับสองในรุ่น Huracan LP 580-2 ถึงแม้ว่าแรงม้าจะน้อยกว่า Huracan LP 610-4 แต่การบังคับควบคุมของรถขับหลัง ส่วนตัวผมว่าคิดว่าควบคุมง่ายกว่าเยอะ หากหลุดไลน์หรือเสียการทรงตัวยังพอจะแก้ไขกลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการได้อย่างไม่ยากเย็น

2 รอบสุดท้ายที่ได้คะนองไปกับกระทิงดุ หลังจากสร้างความคุ้นเคยกันมาสักพักใหญ่ โหมด SPOT คือระบบที่ได้จัดเต็ม ความโหด ดิบ แต่พอความสนิทสนมเข้ามาแทนที่ ความสนุกสนานในฐานะผู้ขับขี่ก็ดำเนินไปอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและไม่อยากให้กิจกรรมนี้ต้องสิ้นสุดลง

RELATED ARTICLES

Most Popular