Thursday, March 28, 2024
HomeAuto TestTest DriveThe New Porsche 911 Carrera ครั้งแรกกับการทดลองขับเจ้าชายกบรุ่นล่าสุด

The New Porsche 911 Carrera ครั้งแรกกับการทดลองขับเจ้าชายกบรุ่นล่าสุด

รถสปอร์ตคูเป้ 2+2 ที่นั่ง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  ติดตั้งเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยทันสมัย สมรรถนะโดดเด่นจากขุมพลังบอกเซอร์ 6 สูบนอนขนาด 3.0 ลิตรพ่วงระบบอัดอากาศ Bi-turbo charging ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์Porsche Doppelkupplung และแพ็คเกจ Sport Chrono Package อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 4.2 วินาที

THE NEW PORSCHE 911 CARRERAเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทย ณ งาน บางกอก อินเอตร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนจะได้ทดลองขับปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า ใหม่ล่าสุด (The new 911 Carrera) เพื่อพิสูจน์สมรรถนะเครื่องยนต์สมรรถนะสูง พร้อมสัมผัสเทคโนโลยีชั้นนำ และระบบความปลอดภัย ในกิจกรรมงาน  “The New 911 Carrera Driving Experience 2016” ซึ่ง บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้จัดขึ้นที่ ลาน อเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์

ว่าแล้วก็มาดูกันครับว่า สุดยอดรถสปอร์ตในฝันที่ใครหลายคนหมายปองจะมีสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจขนาดไหน www.autoworldthailand.com จัดให้ด้วยความเต็มใจ

THE NEW PORSCHE 911 CARRERA มีความโดดเด่น ตั้งแต่ไฟหน้าติดตั้งไฟ Daytime แบบ 4 ดวง (Four point daytime running lights) จนไปถึงที่จับประตูและฝากระโปรงหลังได้รับการออกแบบใหม่รับกับไฟท้ายแบบใหม่ล่าสุดได้อย่างลงตัว พร้อมไฟเบรกแบบ 4 ดวง (Four point daytime brake lights) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ในส่วนของล้อเป็นแมกลาย 5 ก้านคู่ขอบ 19 นิ้ว มีสปอยเลอร์หลังที่สังการเปิด/ปิด และท่อไอเสียคู่ออกกลางที่เลือกซุ้มเสียงดุดันได้จากสวิทช์ควบคุมบริเวณคอนโซลเกียร์

ห้องโดยสารดีไซน์ประณีต เบาะนั่งและพวงมาลัยเป็นงานแฮนด์เมด มาพร้อมระบบ PCM:Porsche Communication Management ซึ่งเป็นระบบสัมผัสและง่ายต่อการใช้งาน ทั้งยังมี Sport Chrono Package ฟังค์ชั่นเสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้ พร้อมกับโหมด Switch on บนพวงมาลัย ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 4 ระดับ คือ Normal, Sport, Sport Plus และ Individual พร้อม “Sport Respone button” ซึ่งจะทำให้เร่งเครื่องยนต์ถึง RED LINE ได้นานถึง 20 วินาที สำหรับการแซงด้วยความเร็วสูง สมองกลอิเลคทรอนิคส์จะควบคุมระบบเกียร์ให้ทำงานร่วมกับการจัดการเครื่องยนต์ เพื่อปรับเปลี่ยนพร้อมตอบสนองได้ในเวลาที่รวดเร็ว

อีกหนึ่งฟังค์ชั่นที่โดดเด่นของระบบ PCM คือช่วยค้นหาเส้นทางแบบออนไลน์ สั่งการได้ด้วยเสียงหรือ Voice Control ใช้งานผ่านระบบหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว คล้ายกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟน

THE NEW PORSCHE 911 CARRERA ได้รับการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ในรูปแบบวางหลังที่เป็นเอกลักษณ์ ความจุ 3 ลิตร ติดตั้ง Bi-turbo charging ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ Porsche Doppelkupplung:PDK อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระยะเวลาเพียง 4.2 วินาที และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น 12% โดยอัตราสิ้นเปลืองจะลดลง 1 ลิตรต่อ 100 กม. บริโภคเชื้อเพลิงเพียง 7.4 ลิตรต่อ 100 กม. หรือประมาณ 13.51 กม./ลิตร

ระบบความปลอดภัยและตัวช่วยในการขับขี่จัดเต็มในระดับพรีเมียม อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (automatic speed control), ระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม มาพร้อมกับฟังก์ชั่น Coasting ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ PDK เมื่อต้องขับขี่ในสถานการณ์รถติด คลัทซ์จะหยุดทำงานเพื่อประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ไม่สูญเสียกำลังเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งระบบเสริมที่สามารถเลือกติดตั้ง คือระบบช่วยเหลือในการเปลี่ยนช่องทาง (lane change assistant) ตรวจสอบรถด้านหลังด้วยตัวจับสัญญาณและใช้ไฟ LED ทั้งด้านซ้ายและขวาเพื่อเป็นการเตือนผู้ขับขี่ให้ระวังรถที่อาจวิ่งเข้ามาในระยะจุดบอดได้  ทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบหยุดวงจรไฟหรือเครื่องยนต์ ที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือความเสียหายหลังเกิดการชน (the post-collision braking system) ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ถึงเวลาลองของแรง

แม้ว่ากิจกรรมนี้จะไม่ใด้จัดขึ้นในสนามทดสอบรถยนต์ แต่การประยุกต์ใช้พื้นที่ของลานอเนกประสงค์ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ก็สามารถทำให้ THE NEW PORSCHE 911 CARRERA ปลดปล่อยสัญชาตญาณของความเป็นรถสปอร์ตได้อย่างไม่มีข้อกังขา รูปแบบของการทดสอบในสถานการณ์ต่างๆถูกจำลองมาไว้บริเวณลานกว้างที่มีระยะทางตรงซึ่งทำความเร็วได้กว่า 120 กม.ชม. รูปแบบเส้นทางถ่ายทอดการควบคุมรถได้ไม่ต่างกับสถานการณ์จริงที่พบเจอในสนามแข่ง

ก่อนทำการทดสอบ INSTRUCTOR ผู้ฝึกสอนชี้แจงระบบต่างๆของรถคันนี้อย่างคร่าวๆก่อนที่จะพาไปสัญจรบนเส้นทางจริง รวมถึงรูปแบบการขับขี่ที่ถูกต้อง พร้อมขับให้สื่อมวลชนได้ทำความคุ้นเคยกับรถทั้งหมด 2 รอบสนาม

เมื่อเข้าใจรูปแบบและวิธีการทดสอบก็ถึงเวลาได้ลองของจริงไปกับรถสปอร์ตคูเป้ในตำนาน ก่อนอื่นที่ผมประทับใจมากก็คือเบาะนั่งแบบบักเก็ตซีท งานแฮนด์เมดซึ่งทำออกมาได้เนี๊ยบราวกับใช้เครื่องจักร ก่อนลองขับต้องทำความเข้าใจกับสวิทช์ควบคุมระบบต่างๆภายในห้องโดยสารว่าปุ่มไหนสำหรับใช้งานอะไร ทีเด็ดของความมันอยู่ที่สวิทช์ควบคุมเสียงจากท่อไอเสีย สามารถปรับการใช้งานได้ทั้งเสียงเบาแบบรถสแตนดาร์ด และซุ้มเสียงโหดดิบราวกับรถแข่ง รวมถึงแอบซ่าได้กับสวิทช์ควบคุมสปอยเลอร์หลังที่สั่งการได้แบบออโตเมติค ซึ่งจะดีดตัวออกจากด้านหลังเพื่อกดท้ายรถให้นิ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์ หรือจะเปิดค้างไว้ตลอดเพื่อเพิ่มเติมในความสปอร์ตให้ตัวรถดูดุดัน

เริ่มขับอยากจริงจังคนละ 2 รอบสนาม จะมีใครบ้างที่จัดเต็มตั้งแต่ในรอบแรกที่ทำการทดสอบ ผมตอบได้เลยว่าคงไม่มี ซึ่งผมเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน รูปแบบของสนามจากจุดสตาร์ทเป็นทางตรง มีจุดสกัดแบบสลับเลนก่อนจะไปยังจุดเบรคที่มีระยะค่อนข้างสั้น จากนั้นเป็นทางโค้งกว้างๆที่พอจะเติมคันเร่งให้รถพุ่งทะยานไปยังไพล่อนที่วางขวางก่อนจะหักหลบ และต่อไปยังโค้งๆแคบๆ ซึ่งมาจบยังจุดสตาร์ทพอดีถือเป็นการทดสอบเต็มหนึ่งรอบสนาม

หลังจากขับชิวๆเพื่อสำรวจเส้นทางจากรอบแรกเพื่อให้แน่ใจว่าจุดไหนอันตราย และช่วงไหนที่จัดได้เต็ม ก็ได้เวลาจัดเต็มกับ THE NEW PORSCHE 911 CARRERA จากจุดสตาร์ทผมกระแทกคันเร่งเต็มแรง รถพุ่งทะยานไปข้างหน้าแบบที่ว่าไม่สามารถยกหลังขึ้นจากเบาะได้ การถ่ายเทน้ำหนักไปยังล้อทั้ง 4 ทำได้อย่างน่าทึ่ง ฟิลลิ่งการออกตัวไม่ผิดแปลกไปจากรถขับเคลื่อนสี่ล้อสักเท่าไหร่ ความเร็วที่ออกจากจุดสตาร์ทจนถึงช่วงสลับเลน ผมเหลือบตาไปดูเกือบๆ 150 กม./ชม. พอมาถึงช่วงนี้ต้องถอนเท้าออกจากคันเร่งมาแตะที่เบรคเบาๆเพื่อควบคุมรถผ่านไพล่อน แล้วเติมคันเร่งอีกนิดเพื่อมุ่งไปหาจุดเบรก ผลที่ได้ออกมาน่าทึ่ง เพราะการหยุดรถทำได้ในระยะทางที่สั้นมาก สั้นแบบน่าใจหาย ก่อนที่จะเติมคันเร่งเพื่อเข้าโค้งกว้าง แล้วเดินคันเร่งต่อไปยังสิ่งกีดขวางเพื่อหักหลบ พอออกจากพื้นที่บริเวณนี้ได้ ความเร็วถูกเพิ่มขึ้นอีกครั้งเพื่อไปยังโค้งรูปตัวยูแคบๆ สังเกตไปที่มาตรวัด เข็มความเร็วชี้ไปที่ประมาณ 120 กม./ขม. แล้วจึงถอนคันเร่งเพื่อเข้าโค้งแคบ และแอบฟังเสียงยางที่สัมผัสกับพื้นถนนว่าจะมีเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด อย่างที่ควรจะเป็นไหม แต่ผลลัพธ์ออกมากลับเงียบกริบ และควบคุมไปตามทิศทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ

การทดสอบในครั้งนี้ใช้เวลาสำรวจและสัมผัสสมรรถนะเพียงน้อยนิด แต่สิ่งที่ผมได้คือการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวเองในการขับขี่และควบคุมความซ่าส์ของเจ้าชายกบคันล่าสุด ก่อนหน้าเคยได้ยินแต่คนพูดถึงว่า “ก่อนขับต้องไปเรียนรู้ว่า PORSCHE นั้นขับยังไง ถ้าไม่เคยขับหรือไม่คุ้นกับรถ จะทำให้ควบคุมได้อยาก” เริ่มแรกก็เกิดอาการประหม่าเล็กน้อย แต่พอได้นั่งหลังพวงมาลัยและลองขับ การปราบพยศของรถคันนี้ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เคยได้ฟังมา และถ้าคุณคุ้นเคยเมื่อไหร่ แน่นอนว่าความสนุกสุดมัน จากการเค้นขุมพลังบอกเซอร์ขนาด 3.0 ลิตร Bi-turbo charging จะทำให้หลังคุณยกไม่ขึ้นจากเบาะนั่ง ซุ้มเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามผ่านท่อไอเสียพร้อมเสียงการจุดระเบิดแบบแบคไฟร์ในรถแข่ง แค่นี้ก็สามารถทำให้อะดีนารีนหลั่งออกอย่างท่วมท้นแล้วครับ

RELATED ARTICLES

Most Popular