Saturday, April 20, 2024
HomeAuto NewsPreview: All-New Mazda CX-5 ทุกมิติสวยคมบาดใจ เติมเทคโนโลยี่ให้ขับขี่มั่นใจอีกเพียบ

Preview: All-New Mazda CX-5 ทุกมิติสวยคมบาดใจ เติมเทคโนโลยี่ให้ขับขี่มั่นใจอีกเพียบ

เปรียบเทียบ Mazda CX-5 รุ่นแรก(สีเทา)กับรุ่นที่สอง(สีแดงใหม่)

 

การมาถึงของ Mazda CX-5 เจเนอเรชั่นที่2

เทคโนโลยี่ Skyactiv เต็มรูปแบบ และ การออกแบบจากแนวคิด KODO Design การผสมผสานของเทคโนโลยี่และความสวยงาม  ถือเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่สุดของ Mazda ในด้านการพัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ของพวกเขาเริ่มต้น ที่รถยนต์ Mazda CX-5 ซึ่งออกสู่ตลาดครั้งแรกเมื่อปี 2555 และส่งต่อไปถึง Mazda รุ่นต่างๆจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ถูกใจของตลาดทั่วโลก 120 ประเทศ จนทำให้ยอดขาย Mazda ของเขาพุ่งทะยานไปกว่า 1.4 ล้านคัน ในจำนวนนั้นเป็น Mazda CX-5 กว่า 350,000 คัน

เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา Mazda เปิดตัว CX-5 รุ่นที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยและนำขึ้นจำหน่ายในโชร์รูมที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พร้อมกับการขึ้นโชว์รูมในยุโรปและสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา คำถามว่าเมื่อไรจะเปิดจำหน่ายในเมืองไทยจึงอบอวลอยู่ในโซเชี่ยลตลอดเวลาหลังจากได้เห็นโฉมหน้าของ CX-5 ใหม่ผ่านทางสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ วันนี้มีคำตอบและมีรายละเอียดเบื้องต้นของ CX-5 ใหม่ มาถึงแล้ว

ไปกันที่ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นสถานที่แนะนำให้ผมได้รู้จักกับ CX-5 ใหม่เป็นครั้งแรก เหตุผลที่เป็นที่นี่เพราะ โรงประกอบรถยนต์ Kurin Plant Malaysia  ที่ Mazda เข้ามาถือหุ้นไว้ร้อยละ 49 ร่วมกับเจ้าของเดิมคือ Sime Darby Group เป็นโรงงานที่เพิ่งขยับขยายครั้งใหญ่รองรับจำนวนการผลิตแบบเต็มพิกัดได้ถึง 70,000 คันต่อปี เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ Mazda ส่งจำหน่ายทั้งอาเซี่ยน ซึ่งรวมถึงประเทศไทย และโรงงานนี้ก็เป็นโรงงานที่ประกอบ  CX-5 รุ่นแรกที่จำหน่ายในบ้านเรานั่นเอง เมื่อขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นมีสายการผลิตเฉพาะของ Mazda แล้ว CX-5 ใหม่ก็อยู่ในแผนการผลิตด้วยเช่นเดิมและเพิ่งจะกดปุ่มปล่อย Mazda  CX-5 ใหม่ออกจากสายพานการผลิตในเวลาเดียวกันกับที่จัดการแนะนำให้รู้จักกับ CX-5 ใหม่ นั่นเอง จึงถือเป็นของใหม่สดๆร้อนๆออกจากเตากันเลยทีเดียว

สำหรับการเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึ้นกับ Mazda  CX-5 ใหม่ นั้นหลักใหญ่ใจความอยู่ที่การออกแบบใหม่หมดทั้งคัน มีสโลแกนติดตัวคือ “ความแข็งแกร่งอันปราณีต” หรือ “Refined Toughness” ที่ยังคงอยู่ภายใต้แนวคิด KODO Design มิติตัวถังไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก โดยรวมแล้วดูไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักแต่ถ้าลงรายละเอียดจะเห็นได้ชัด และเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นแรกจะทำให้ดูเป็นการเปลี่ยนยุคไปจริงๆ เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่หมดเรียบหรูดูดีมีสไตล์

CX-5ใหม่ ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด G-Vectoring Control หรือ GVC ซึ่งเป็นระบบแรกภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ช่วยให้สมรรถนะในการขับขี่ พฤติกรรมของการเคลื่อนไหวของรถ  สอดรับกับทั้งความรู้สึกและความคาดหวังของผู้ขับขี่ได้  ตลอดจนความสะดวกสบายในการโดยสารของผู้โดยสารทุกคน ซึ่งเป็นผลจากการทำให้สรีระของผู้โดยสารเกิดการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ห้องโดยสารที่เงียบขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งเบาะนั่งด้านหลังก็ให้ความสบายและเกิดประโยชน์ใช้สอยที่ดีเยี่ยม

เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Mazda  ที่ประกอบไปด้วย ระบบความปลอดภัย  i-ACTIVSENSE  ช่วยให้ผู้โดยสารมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น Active Driving Display ด้วยการแสดงข้อมูลต่างๆ ไว้บนกระจกหน้ารถช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และระบบเชื่อมต่อสื่อสาร MZD CONNECT

สำหรับเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบนั้นยังคงเป็นเครื่องยนต์เดิมที่ได้รับการ upgrade software ใหม่มีการตอบสนองในด้านอัตราเร่งที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีกำลังสูงสุดเท่าเดิมคือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 Skyactiv G 165แรงม้า  และ เครื่องยนต์ดีเซล   2.2 Skyactiv D 175 แรงม้า เช่นเดียวกับชุดกันสะเทือนรองรับมีการปรับขนาดช๊อคอัพ รองรับระบบ GVC ที่เพิ่มขึ้นมาด้วย

Mazda  CX-5 ใหม่ จากโรงงานมาเลเซียจะถูกส่งต่อมาเพื่อจำหน่ายในไทย 2 รุ่นด้วยกันคือเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 Skyactiv G  และ เครื่องยนต์ดีเซล   2.2 Skyactiv D โดยมีกำหนดจะเปิดตัวในราวกลางเดือน พฤศจิกายน 2560 นี้ และเข้าไปเป็นไฮไลท์ให้จับเนื้อต้องตัวกันในบูธของ Mazda ในงาน Motor Expo 2017 แน่นอน ส่วนราคาค่าตัวรอถึงเวลาเปิดตัวเป็นทางการคงได้รู้กันแต่เบื้องต้นเท่าที่สอบถามจากผู้บริหาร Mazda ไม่น่าจะปรับราคาสูงไปกว่ารุ่นปัจจุบันมากนัก

สัมผัสแรกกับ CX-5 ใหม่

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ปีนังคือได้ทำความรู้จักกับ Mazda CX-5 มากขึ้นจากการทดลองขับช่วงสั้นๆ ในสนามทดสอบที่ set ขึ้นมาเพื่อให้ได้ทดลองความรู้สึกจากอาการของรถในสามเรื่องหลักคือ

หนึ่ง เมื่อติดตั้งระบบ GVC เข้ามาช่วยเพิ่มเสถียรภาพในด้านการทรงตัว ลดอาการเหวี่ยง โครง ที่จะเกิดกับโดยสาร ความจริงก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับ GVC ที่ติดตั้งใน Mazda 3 , CX-3 และรับรู้ถึงประสิทธิผลเป็นอย่างดีมาแล้ว คือ ช่วยลดอาการเหวี่ยง โคลงลงได้ และให้ความมั่นใจในการเข้าโค้งดีขึ้น แต่สำหรับ CX-5 ใหม่ ความที่เป็น SUV ที่มีความสูงจากพื้นของตัวถังมากกว่า Mazda 3 , CX-3 อาการเหวี่ยง โคลงลดลงได้บ้าง ไม่เนียนเหมือน CX-3 แต่ก็น่าพอใจแล้ว

สอง ทดลองระบบเบรกที่ถูกเซทให้ลดอาการหน้าทิ่มที่ถูกถ่ายทอดอาการไปที่ผู้ขับและผู้โดยสาร เมื่อเบรกแรงๆ โดยให้ขับด้วยความเร็วประมาณ 70 กม./ชม แล้วเบรก แต่ไม่ถึงกับให้ ABS ต้องทำงาน อาการของรถในขณะนั้นจะมีการยุบตัวลดลงทั้งคันโดยเฉพาะด้านหลังถูกดึงลงมา ลดอาการหน้าทิ่มได้

สามเรื่องเสียงในห้องโดยสารครั้งนี้ CX-5 ใหม่ทำได้ดีมากขึ้น ถูกใจตั้งแต่ปิดประตูเสียงหนักแน่นหนีความเป็นรถญี่ปุ่นไปสู่ยุโรปได้สมบูรณ์มากขึ้น ภายในห้องโดยสารเงียบโดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซลนั้นนอกจากเสียงของเครื่องยนต์จะเบาลงแล้ว เมื่ออยู่ในห้องโดยสารแทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เล็ดรอดเข้ามาทั้งขณะจอดและขณะขับ กดไลค์รัวๆให้ได้เลย

ผมสรุปได้เลยว่า Mazda CX-5 ใหม่นอกจากสวย ทันสมัย แบบเรียบง่ายแต่ดูดีทุกมุมมองแล้ว ยังได้เทคโยโลยี่ใหม่มาช่วย ผู้ขับในการเดินทางมากขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น เช่นเดียวกับผู้โดยสารที่จะรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขในการเดินทางมากขึ้นเช่นเดียวกัน

ภูวนาถ เผ่าจินดา

 

มาดูรายละเอียดจากข้อมูลโรงงานของ Mazda CX-5 ใหม่มีดังนี้

 

 

รูปลักษณ์ภายนอก

Mazda มุ่งเน้นไปที่การพยายามสร้างรูปลักษณ์ที่ดูโดดเด่นและแข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยยกระดับบุคลิกภาพที่แตกต่างและหลักอากาศพลศาสตร์จากรุ่นเดิม การแสดงออกของการเคลื่อนไหวที่บริสุทธิ์จากด้านหน้าไปด้านหลังของตัวรถจะช่วยให้ความรู้สึกถึงอัตราเร่งที่คล่องแคล่วว่องไวและปราดเปรียว ด้วยรูปลักษณ์ที่บ่งบอกถึงลักษณะท่าทางและความสามารถในการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า รูปลักษณ์ที่เรียบง่ายสะท้อนเงางามและจุดเด่นได้อย่างสวยงามลงตัว และรายละเอียดการออกแบบที่มีมิติ ทำให้   CX-5 ใหม่นี้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นมีเสน่ห์อันน่าหลงใหล

 

  • จากการปรับให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ตลอดจนการปรับระยะห่างของล้อคู่หน้าและระยะห่างของล้อคู่หลังให้กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร ทำให้สัดส่วนรูปทรงของ  CX-5ใหม่ เกิดมุมมองที่ทรงพลังมากขึ้น เสมือนรถกำลังยึดเกาะอยู่กับถนนไว้อย่างมั่นคง ในขณะที่เสา A ถูกปรับตำแหน่งไปยังด้านหลังประมาณ 35 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และตำแหน่งของเพลาหน้าและเสาเอก็ถูกปรับให้สัมพันธ์กันอย่างเหมาะสม การเคลื่อนไหวอันทรงพลังถูกถ่ายทอดผ่านเส้นสายที่ทอดยาวจากด้านข้างจรดด้านท้ายของตัวรถ รวมไปถึงรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ขยายออกจากประตูท้ายลงไปสู่ล้อคู่หลังทั้ง 2 ข้าง ผลลัพธ์ที่ได้คือรูปลักษณ์อันทรงพลังที่ปรากฏจากทุกมุมมองได้ถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคงเหนือล้อทั้งสี่
  • ปรับปรุงการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่ดูต่ำลงในแนวระนาบ ขยายรูปลักษณ์ด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ให้เพรียวบางมากขึ้น โดยการวางตำแหน่งของโคมไฟหน้าให้ต่ำลงกว่าเดิม และออกแบบกระจังหน้าที่ช่วยเน้นให้เห็นถึงความกว้างผ่านเส้นสายที่แผ่ออกไปสู่โคมไฟหน้าอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเลือกใช้รูปแบบสามมิติที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน รวมไปถึงเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกระจังหน้า เพื่อถ่ายทอดอย่างมีมิติเพิ่มความความโดดเด่น เสริมภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตของการออกแบบด้านหน้าให้มากยิ่งขึ้น
  • การสะท้อนอันสวยงามจะปรากฏขึ้นที่ผิวของตัวรถเมื่อมองจากด้านหน้าไปยังด้านหลังของตัวรถ ความพยายามร่วมกันนี้เพื่อจะปรับแต่งรายละเอียดในทุกๆ จุดของการวางตำแหน่งและคุณลักษณะของความเป็นที่สุด รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงและการเคลื่อนไหวของจุดเด่นและการสะท้อนทำให้เกิดการเปลี่ยนสีที่สง่างา
  • สีภายนอก Soul Red Crystal เพิ่มแรงดึงดูดใจ นอกจากนี้ การพัฒนาลักษณะจำเพาะของสี Soul Red Crystal ซึ่งเป็นสีสันสดใสที่รวมจุดเด่นและความลึกที่บริสุทธิ์ไว้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการรับพลังงานแห่งสุนทรียภาพ สี Soul Red Crystal รู้สึกได้ถึงความสดชื่นยิ่งขึ้น และมากกว่านั้นคือ ระดับความโปร่งใสที่สดชื่นยิ่งขึ้น

รูปลักษณ์ภายใน

เพื่อให้สอดคล้องกับภาษาหลัก คือ “ความแข็งแกร่งอันปราณีต” หรือ “Refined Toughness” เราจึงมุ่งมั่นสร้างรูปลักษณ์ภายในโดยเน้นไปที่ “บรรยากาศ (ambience)” “รูปแบบ (form)” และ “ผิวสัมผัส (texture)” เพื่อมุ่งไปสู่บรรยากาศที่คำนึงถึงผู้โดยสารเป็นหลัก Mazda ได้คำนึงถึงรูปแบบขององค์ประกอบทุกส่วนที่ล้อมรอบผู้โดยสารเพื่อสร้างรูปแบบพื้นฐานที่ให้ความรู้สึกอันน่าพึงพอใจและให้ความสะดวกสบายแก่ทุกคนที่โดยสารในรถ จากนั้นที่ออกแบบได้ออกแบบรูปลักษณ์ภายในที่ดีเลิศแสดงถึงทั้งความทนทานและคุณภาพของรถ SUV ทั้งยังให้ความสำคัญกับคุณภาพการประกอบในทุกรายละเอียด

– มาตรวัดทั้งหมดตรงด้านหน้าของคนขับจะอยู่ตรงศูนย์กลางของพวงมาลัย ทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจกับความเร้าใจที่น่าตื่นเต้นเช่นเดียวกันกับบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่โอ่อ่ากว้างขวางสะดวกสบาย

– การออกแบบเบาะนั่งให้มีมิติความลึกมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับช่องแอร์ที่ถูกออกแบบให้มีมิติความลึกเพื่อแสดงออกถึงความแข็งแกร่งของรถ SUV ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพอันเป็นดีเลิศ

– ลวดลายบนแผงที่ถูกประดับประดาผสมผสานความอบอุ่นของลายไม้แบบธรรมชาติผสานกับความแข็งแกร่งและความทนทานของโลหะเพื่อสร้างความลุ่มลึกแบบใหม่

-หนังสีดำที่ให้สัมผัสนุ่มและเรียบเนียนถูกนำมาใช้ ในบริเวณที่ผู้โดยสารมักจะสัมผัสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมไปถึงการเลือกเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำตาลอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เข้ากับวัสดุและสีของเบาะ ทั้งนี้เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกถึงงานฝีมือที่ดียิ่งกว่า

ห้องโดยสาร

การออกแบบที่คำนึงถึงผู้โดยสารทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น (Human-Centered Design)

ออกแบบเพื่อคำนึงถึงผู้โดยสารเป็นหลักมาใช้ใน CX-5ใหม่ เพื่อปรับปรุงห้องโดยสารรุ่นปัจจุบันให้ดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่ทำให้การเดินทางมีเกิดความสุนทรีและความสุขสำหรับทุกคน

สภาพแวดล้อมในการขับขี่และความสะดวกสบายของห้องโดยสาร

  • ห้องโดยสารด้านคนขับ (Cockpit Zone) ซึ่งประกอบไปด้วยปุ่มควบคุมต่างๆ ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับการขับขี่ในอุดมคติโดยคำนึงถึงการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติของมือและเท้าของผู้ขับขี่ในการใช้งาน นอกจากนี้คอนโซลกลางและคันเกียร์ถูกปรับให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบันถึง 60 มิลลิเมตร เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
  • ตำแหน่งเสาเอที่เอียงไปทางด้านหลัง ช่วยขยายทัศนะวิสัยของการมองเห็นทางด้านขวาและด้านซ้ายของผู้ขับขี่ ในขณะที่กระจกมองข้างออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลงจะช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยในแนวทแยงมุมในขณะเลี้ยวรถ นอกจากนี้ยังลดเส้นขอบหน้าต่างให้ต่ำลงกว่ารุ่นปัจจุบัน พร้อมทั้งใช้กระจกหน้าต่างบานประตูหลังแบบบานเดียว เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีเกิดมุมมองและทัศนะวิสัยด้านหลังที่ดีเยี่ยม
  • พนักพิงเบาะหน้าได้รับการปรับปรุงให้มีชิ้นส่วนรองรับและโครงสร้างที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับเอวของผู้โดยสารได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยลดการเคลื่อนไหวของศีรษะและร่างกายส่วนบนให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังใช้เบาะรองนั่งที่มีส่วนประกอบของยูรีเทนโฟมซึ่งช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อความสบายในการโดยสาร
  •  CX-5ใหม่  เป็นผลิตภัณฑ์ของมาสด้ารุ่นแรกที่ติดตั้งพนักพิงเบาะหลังแบบปรับเอนได้ 2 ระดับ อีกทั้งยังปรับระดับความสูงของเบาะรองนั่งให้ต่ำลง และออกแบบรูปทรงของเบาะรองนั่งให้เป็นรูปทรง 3 มิติ เพื่อให้สามารถสอดรับกับสรีระของร่างกายส่วนล่างของผู้โดยสาร พร้อมทั้งเพิ่มช่องแอร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้มากที่สุดสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • ที่วางแก้วแบบปรับได้ 2 ตำแหน่ง บริเวณคอนโซลกลาง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
  • พื้นที่เก็บสัมภาระมีขนาดความจุ 505 ลิตร (ตามมาตรฐาน DIN พร้อมบริเวณเก็บของขนาดเล็ก) ใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบันที่มีขนาดความจุ 500 ลิตร

การเชื่อมต่อระหว่างผู้โดยสารและอุปกรณ์ (Human Machine Interface, HMI)

  • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ที่ด้านขวามือของชุดมาตรวัดเลือกใช้หน้าจอสีที่มีความละเอียดสูงแบบ TFT LCD ขนาด 6 นิ้ว
  •  CX-5 ใหม่ใช้จอแสดงข้อมูลการขับขี่ Active Driving Display ที่สามารถแสดงข้อมูลจากระบบนำทางผ่านดาวเทียมบนกระจกหน้ารถ
  • หน้าจอแสดงผลกลางขนาด 7 นิ้ว ถูกย้ายขึ้นไปอยู่ตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้าเพื่อลดการละสายตาของผู้ขับขี่ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มาสด้าใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อจอ LCD กับแผงสัมผัสแบบ Optical Bonding ซึ่งจะช่วยลดแสงสะท้อนทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

MZD CONNECT

  •  CX-5ใหม่ ได้ติดตั้งระบบ MZD CONNECT ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อในรถยนต์สมัยใหม่ที่ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์มือถืออื่นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต และเข้าถึงบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์และฟังก์ชันการสื่อสารอื่น ๆ

ระบบ MZD CONNECT ประกอบไปด้วย ระบบเครื่องเสียง, การใช้งานโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบติดต่อสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่น  Aha™ by HARMAN รวมไปถึงระบบนำทางผ่านดาวเทียมซึ่งใช้ข้อมูลจากเอสดีการ์ด

ระบบเครื่องเสียง

  • ระบบเสียงถูกปรับแต่งอย่างเหมาะสมเพื่อให้เข้ากับลักษณะของรถ SUV ด้วยเสียงที่คมชัดระดับไฮเอนด์พร้อมกับเสียงเบสที่หนักแน่นขึ้น ระบบเสียงใหม่ยังเพิ่มลำโพงทวีตเตอร์ที่ติดตั้งตรงบริเวณเสาเอ การวางลำโพงเสียงให้ใกล้กับโสตสัมผัสของผู้โดยสารจะทำให้เสียงชัดเจนขึ้น และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • ระบบเสียงแบบพรีเมียมของ ลำโพง Bose® 10 ตัว ที่ถูกพัฒนาขึ้นร่วมกันระหว่างMazdaและ Bose ประกอบด้วยระบบชดเชยเสียงรอบทิศทาง AudioPilot™2 และระบบเสียงเซอร์ราวด์Centrepoint®2

 

 

สมรรถนะในการขับขี่

ความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้

บนพื้นฐานของปรัชญาที่คำนึงถึงผู้โดยสาร ซึ่งมุ่งเน้นความมีชีวิตชีวาและกระตุ้นร่างกายและจิตวิญญาณผ่านประสบการณ์การขับขี่ที่สอดรับกับความรู้สึกของมนุษย์  Mazda พยายามสร้างรถยนต์ที่เสริมสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างรถกับคนขับ สำหรับ   CX-5 ใหม่ทุกสมรรถนะได้รับการปรับปรุงรอบด้าน ไม่เพียงแต่สำหรับผู้ขับขี่เท่านั้น แต่สำหรับทุกคนที่โดยสารอยู่ในรถ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแท้จริง ความพยายามในการปรับแต่งระบบขับเคลื่อนและการควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ ความสะดวกสบายในการขับขี่และความเงียบ ทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาและความรู้สึกน่ารื่นรมย์ตลอดจนความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทุกคน

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

  • เครื่องยนต์หลากหลายรุ่นถูกเลือกสรรเพื่อนำมาใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละตลาด สำหรับMazdaรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซินแบบฉีดตรง SKYACTIV-G 2.0 ลิตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีด ระบบส่งกำลังทั้งหมดนี้จะมอบอัตราเร่งที่ทรงพลังและตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ของMazdaซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหน้าลื่นไถล ระบบนี้ใช้น้ำมันสังเคราะห์เพื่อลดการสูญเสียพลังงานตลอดช่วงอุณหภูมิในการทำงานด้วยการรักษาความหนืดให้ต่ำแม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัด อีกทั้งยังลดความต้านทานโดยใช้บอลแบริ่งสำหรับชุดส่งกำลังในขณะออกตัวและชุดเฟืองท้ายด้านหลังทั้งหมด

SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS

  • CX-5ใหม่ ได้ติดตั้งระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-VECTORING CONTROL หรือ GVC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ระบบแรกในอนุกรม SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ของMazda ระบบจะทำงานโดยการปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ให้ตอบสนองต่อการทำงานของพวงมาลัย ซึ่งเป็นการควบคุมแบบผสมผสานระหว่างแรงเร่งจากด้านข้างและด้านตามยาวของตัวรถ และปรับโหลดในแนวดิ่งที่กระทำลงบนล้อแต่ละล้อให้เหมาะสม GVC มีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SUV ซึ่งอาจจะมีแนวโน้มที่จะเกิดแรงกระทำจากด้านข้างรถอันเนื่องมาจากจุดศูนย์ถ่วงที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรถยนต์นั่ง ช่วยให้ทั้งการตอบสนองและความมั่นคงของตัวรถดีขึ้น ในขณะที่ยังช่วยลดการโยกตัวออกไปด้านข้างของตัวผู้โดยสารและช่วยให้นั่งสบาย

SKYACTIV-CHASSIS

  • นอกเหนือจากการใช้ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้าชนิดติดตั้งที่แกนพวงมาลัยแล้ว  CX-5 ใหม่ ยังใช้ชุดติดตั้งพวงมาลัยที่แข็งแรงมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มการตอบสนองที่เป็นธรรมชาติและความแข็งแรงของระบบบังคับเลี้ยว
  • ระบบช่วงล่างของ CX-5 ใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ส่วนระบบช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ มีเส้นผ่านศูนย์กลางของลูกสูบในช็อคอัฟซอฟเบอร์คู่หน้ามีขนาดใหญ่ขึ้น และใช้บูชลูกยางที่มีของเหลวภายใน สำหรับช่วงล่างด้านหน้า เพื่อลดความรู้สึกว่าหน้าลอยตัวที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกได้ และลดการสั่นสะเทือนอันไม่พึงประสงค์ที่ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกได้เมื่อรถเกิดอาการโคลง
  • ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อนที่ด้านหน้าและดิสก์เบรกไม่มีช่องระบายความร้อนในด้านหลัง นอกจากนี้ All-New CX-5 ยังเพิ่มฟังก์ชัน Auto-Hold ซึ่งจะช่วยให้ทำรถหยุดนิ่งอยู่กับที่แม้กระทั่งหลังจากที่ผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นเบรก

SKYACTIV-BODY

  • ความแข็งแรงต่อแรงบิดตัวเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ช่วยลดการให้ตัวซึ่งอาจทำให้การตอบสนองต่อการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่ช้าลง
  • ใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูงพิเศษเพิ่มขึ้น ทั้งบริเวณเสาเอซึ่งใช้เหล็กกล้า 1,180 MPa และบริเวณเสาบี ส่วนด้านข้างซึ่งใช้เหล็กกล้า 980 MPa

สมรรถนะการลดเสียงสั่นสะเทือน – ความแข็งกระด้าง (NVH) และอากาศพลศาสตร์

  • เพื่อให้สภาพแวดล้อมของห้องโดยสารเกิดความเงียบสงบ ช่วยให้ผู้โดยสารเพลิดเพลินไปกับการสนทนาที่ปราศจากความตึงเครียดในขณะขับขี่ จึงมีความพยายามในการลดเสียงรบกวนจากพื้นถนนในย่านความถี่ต่ำ ซึ่งจะได้ยินเมื่อเดินทางบนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระ รวมไปถึงเสียงลมและเสียงยางที่มีความถี่สูงเมื่อเดินทางด้วยความเร็วที่สูงขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง All-New CX-5 ให้การสนทนาภายในห้องโดยสารในระดับที่ชัดเจนขึ้นประมาณ 10% และลดเสียงรบกวนลงได้ประมาณ 3 เดซิเบล เมื่อเดินทางบนพื้นผิวถนนที่ขรุขระ
  • ชิ้นส่วนทางอากาศพลศาสตร์ถูกติดตั้งบนตัวถังในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และรูปทรงแบบท่อของกระจังหน้าเปิดรับอากาศได้ดีช่วยทำให้มีสมรรถนะทางอากาศพลศาสตร์ดีเยี่ยม

ความปลอดภัย

i-ACTIVSENSE ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะความปลอดภัยระดับโลก

ความปลอดภัยเชิงป้องกันของมาสด้า (Mazda Proactive Safety*1) เป็นวิธีการที่ครอบคลุมการเพิ่มสภาวะที่ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้อย่างปลอดภัยให้ได้มากที่สุดและมั่นใจได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างแท้จริงกับลูกค้าทุกคน อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยก่อนเกิดเหตุที่ถูกเพิ่มขึ้นมาใหม่จะช่วยให้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงของ i-ACTIVSENSE*2 ของมาสด้าสามารถช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงสถานการณ์ความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และลดโอกาสในการเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ยังรวมถึงการเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยเสริมการรับรู้และการขับขี่ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังยกระดับอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยขณะเกิดเหตุ โดยการปรับปรุงโครงสร้าง SKYACTIV-BODY ที่มีความแข็งแรงสูงให้มีประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทกจากหลายทิศทาง และเพิ่มการใช้เหล็กกล้าทนแรงดึงสูงพิเศษให้มากขึ้น ทั้งนี้เพราะมาสด้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ที่สามารถได้รับคะแนนในระดับสูงจากการทดสอบการชนทั่วโลก

*1: Mazda Proactive Safety เป็นปรัชญาความปลอดภัยของมาสด้ามีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาวะที่ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้อย่างปลอดภัยให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ลดความเสี่ยงที่สามารถนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ

*2: i-ACTIVSENSE เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยสมัยใหม่ที่ประกอบด้วยระบบที่ครอบคลุม โดยใช้อุปกรณ์ตรวจจับเช่น ชุดเรดาร์คลื่นสั้นระดับมิลลิเมตรและกล้องต่างๆ

ความปลอดภัยเชิงป้องกัน

  • CX-5ใหม่ ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control, MRCC) ซึ่งจะปรับเปลี่ยนและรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันข้างหน้าโดยอัตโนมัติ เพื่อลดภาระบางส่วนของผู้ขับขี่ ขณะเดินทางในระยะไกล

ความปลอดภัยปกป้อง

  • CX-5ใหม่ ใช้ SKYACTIV-BODY ที่มีความแข็งแรงสูงของมาสด้าซึ่งดูดซับและกระจายแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการเสียรูปของห้องโดยสาร นอกจากนี้ส่วนของเสาเอที่แข็งแรงขึ้นและการใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นแต่มีน้ำหนักเบาลงและทำให้เกิดความปลอดภัยในการชนในระดับที่สูงขึ้น
  • อุปกรณ์เสริมด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย ช่วยให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โครงสร้างของเบาะหน้า ได้รับการปรับปรุงให้สามารถช่วยลดความรุนแรงจากการกระแทกที่จะเกิดขึ้นกับศีรษะ โดยการเพิ่มโฟมโพลีโพรพีลีนที่ด้านในของพนักพิงศีรษะ และปรับปรุงวิธีการติดตั้งของโครงสร้างพนักพิงหลังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • โครงสร้างของฝากระโปรงและกันชนหน้าช่วยลดอาการบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะหรือบริเวณเท้าของคนเดินถนนเมื่อเกิดการชน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค

ประเภทของตัวถัง รถอเนกประสงค์ SUV
จำนวนที่นั่ง 5 ที่นั่ง
ความยาง x ความกว้าง x ความสูง ทั้งหมด 4,550 mm x 1,840 mm x 1,680 mm (ล้ออัลลอยขนาด 19”)

4,550 mm x 1,840 mm x 1,675 mm (ล้ออัลลอยขนาด 17”)

ระยะฐานล้อ 2,700 mm
เครื่องยนต์ SKYACTIV-D 2.2 (เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล)

SKYACTIV-G 2.0 (เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน)

ระบบส่งกำลัง SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลัง อิสระมัลติลิงค์
ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน
ระบบเบรก (หน้า / หลัง) ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน / ดิสก์เบรก
ขนาดยาง 225/55 R19

225/65 R17

 

RELATED ARTICLES

Most Popular